ขบวนการก็คือว่า
เมื่อเราตั้งสติกำหนดรู้
อยู่กับการเคลื่อนไหว มิได้ขาดระยะ
จิตเราก็จดจ่ออยู่ในปัจจุบันเป็นเวลานาน
ก็เกิดองค์ฌานตามลำดับ
เมื่อจิตตั้งมั่นแล้ว ฌานย่อมมี
เมื่อฌานเกิดบ่อยๆ
ปัญญาก็ค่อยเกิดตามมา
เกิดองค์ของสัมโพชฌงค์ขึ้นมา
เมื่อจิตของเราคลุกคลีแต่ปัจจุบันธรรม
ก็เกิดปัญญาเห็นรูปนาม
เฝ้าดูรูปนามบ่อยๆ เห็นทุกข์บ่อยเข้า
ก็เข้าใจไตรลักษณ์ตามความเป็นจริง
เมื่อเห็นไตรลักษณ์บ่อยครั้ง
ก็เข้าใจสมมุติอ้างอิงอาศัยรูป-นามอยู่
เมื่อเห็นสมมุติบัญญัติ จิตก็เบื่อหน่าย
เมื่อเบื่อหน่ายบ่อยๆ ก็ปล่อยวาง
จิตปล่อยวางบ่อยๆ ก็เข้าใจปรมัตถ์
เมื่อเห็นปรมัตถ์ จิตก็เข้าสู่ภาวะปกติ
จิตปกติบ่อยๆ ศีลขันธ์ก็เกิด
ศีลขันธ์กำจัดกิเลสอย่างหยาบ
คือ ขจัดราคะ โทสะ โมหะเบื้องต้น
เมื่อศีลขันธ์เกิดบ่อยๆ สมาธิขันธ์ก็ปรากฏ
จิตตั้งมั่นในรูป-นามบ่อยๆ
สติปัฏฐานสี่ก็ค่อยสมบูรณ์ขึ้น
สติสมบูรณ์ ปัญญาขันธ์ก็ปรากฏ
ปัญญาขันธ์ก็กำจัดกิเลสอย่างละเอียด
วิปัสสนาญาณก็เกิดขึ้นตามลำดับ
เมื่อวิปัสสนาญาณตั้งมั่นแล้ว
ก็จะทำลายสังโยชน์และอาสวะไปเรื่อยๆ
จนหมดไปเรื่อยๆ จนหมดไปๆ
ใครสั่งสมปัญญาบารมีมามาก
ก็ทำลายอาสวะได้ไว
ใครสั่งสมมาไม่มากก็ทำลายไปเรื่อยๆ
เหมือนไฟสุมขอน
นี่คือขั้นตอนทำให้เกิดวิปัสสนาญาณโดยย่อๆ
รายละเอียดต้องไปปฏิบัติเอาเอง
เพราะถ้าขืนไปนึกคิดเอาตามที่บอก
อาจผิดพลาดได้
พระพุทธยานันทภิกขุ